ถอดรหัสลายนิ้วมือ สู่ความสำเร็จ... Decoding Fingerprint For Success
Subsribe Email
Subscribe E‐mail

ลูกไม่อยากไปโรงเรียนต้องทำอย่างไร?

ลูกไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาลต้องทำอย่างไร?

ลูกไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาลต้องทำอย่างไร

เมื่อถึงวัยที่ต้องไปโรงเรียน พ่อแม่เกือบทุกบ้านก็เริ่มเป็นกังวลว่าลูกเราจะร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียนมั้ย ถ้าพ่อแม่เตรียมตัวให้ลูกแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเปิดเรียน ด้วยการพาลูกไปเล่นที่โรงเรียน ไปดูบรรยากาศรอบ ๆ โรงเรียน ให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคย แล้วถามลูกว่า ชอบโรงเรียนนี้มั้ย พูดถึงข้อดีของโรงเรียน การมาโรงเรียน เพื่อสร้างความมั่นใจไม่ให้ลูกเกิดความกังวลเมื่อต้องมาโรงเรียนอย่างจริงจังโดยที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยตลอดแบบนี้เป็นการเตรียมพร้อมที่ดี แต่ถ้าไม่มีโอกาสได้พามาโรงเรียนก่อนเปิดเทอมเลยหรือแม้ว่าพามาแล้วยังเกิดอาการร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน  คราวนี้ก็ลองมาดูวิธีแก้กันดีกว่าค่ะ

หาสาเหตุที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียน ด้วยการชวนคุย

การชวนลูกคุยเรื่องทั่วๆ ไป ถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่โรงเรียน ว่าวันนี้ทำอะไรบ้างที่โรงเรียน กลางวันทานอะไร เล่นของเล่นอะไรบ้าง มีนอนกลางวันมั้ย ตื่นมาทำอะไร ครูสอนอะไร อะไรที่ลูกทำแล้วสนุก เพื่อให้ลูกเล่าสิ่งต่าง ๆ ที่พบเจอในโรงเรียน แบบไม่จำเพาะเจาะจงและไม่ควรถามว่าทำไมลูกไม่อยากไปโรงเรียน ลองปล่อยให้ลูกเล่าเอง ลูกจะได้กล้าบอกทุกเรื่อง พ่อแม่ก็คอยสังเกตสีหน้า แววตา น้ำเสียง ขณะที่ลูกเล่า ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ลูกไม่ชอบไปโรงเรียน ถ้าถามแล้วครูก็ไม่ดุแถมใจดี เพื่อนก็ไม่แกล้ง พ่อแม่ก็หายกังวลไปได้เปราะหนึ่งแล้ว  ที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียนอาจเป็นเพราะไม่อยากห่างจากพ่อแม่ เพราะยังไม่คุ้นชิน หรือยังปรับตัวไม่ได้เสียมากกว่า


พ่อแม่ต้องแสดงความเข้มแข็งให้ลูกมั่นใจ และพ่อแม่ต้องไว้ใจครูว่าดูแลลูกเราได้

เมื่อพ่อแม่ไปส่งลูกที่โรงเรียนช่วงสัปดาห์แรก คุยกับลูกก่อนว่าวันนี้มาโรงเรียนแล้วนะ ที่โรงเรียนจะได้เจอเพื่อน ๆ ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือฟังครูเล่านิทาน แล้วตอนเย็น ๆ พ่อแม่จะมารับแน่นอนเพื่อให้ลูกมั่นใจว่าไม่ได้ถูกทิ้ง เมื่อไปส่งลูกแล้ว ให้ดูลูกอยู่ห่าง ๆ สักพัก หากมีอาการร้องไห้ ปล่อยไปก่อน เข้มแข็งเข้าไว้ เดี๋ยวคุณครูจะมีวิธีดูแลเด็ก ๆ ต่อ  ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กให้ทำอะไรที่สนุกขึ้น  พ่อแม่ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของครู ฝากคุณครูคอยดูแลและสังเกตพฤติกรรมของลูกแทนพ่อแม่ควรเชื่อว่าครูมีจิตวิทยาที่ดีในการสอนด็ก บางทีตอนอยู่กับพ่อแม่ลูกยังร้องไห้เกาะขาพ่อแม่  ไม่อยากไปโรงเรียน ถ้าพ่อแม่ไม่ใจอ่อน ปล่อยเป็นหน้าที่ของครู มาถามครูทีหลังครูอาจบอกว่าพอพ่อแม่กลับไปลูกก็เล่นกับเพื่อนสนุกเลยก็มีค่ะ ลองดูและเชื่อมั่นว่าลูกเราทำได้ค่ะ แค่อย่าใจอ่อน

หากลูกเข้าเรียนตอนอายุ 3 ขวบ ต้องให้เวลาลูกปรับตัวสักระยะ

เด็กที่เข้าเรียนตอน 3 ขวบถือว่ายังเด็กมาก ต้องให้เวลาในการปรับตัว อาจไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือเล่นกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน บางบ้านมีแต่ผู้ใหญ่ดูแล ก็จะเป็นจุดศูนย์กลางหรือถูกตามใจ ดังนั้นอาจเกิดอาการกังวล กลัวการมาโรงเรียน เพราะยังไม่คุ้นเคย พ่อแม่ควรอยู่เป็นเพื่อนลูกแต่ดูแบบห่าง ๆ  ให้ลูกเกิดความมั่นใจทีละนิด ว่าการมาโรงเรียนปลอดภัย มีเพื่อนใหม่ในวัยเดียวกัน ทำให้ได้เล่นและรู้สึกสนุกกว่า นอกจากนี้พ่อแม่ควรปรึกษาครู  ให้ครูดูแลอย่างใกล้ชิดและเอ็นดูต่อลูกเรา  เพื่อที่จะช่วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ให้เด็กรู้สึกกลัวและขาดความมั่นใจ จนไม่อยากไปโรงเรียน

เอ่ยชื่นชมลูก ให้รู้สึกภูมิใจ และมีกำลังใจ

ชวนคุยเรื่องในโรงเรียน อันไหนที่ลูกทำแล้วดี อย่าลืมที่จะชื่นชม แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเด็กการทำสิ่งใหม่  กับคนใหม่ และสถานที่ใหม่ เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความกล้าหาญ หากลูกเล่าให้ฟังแสดงว่าลูกภูมิใจกับสิ่งนั้น พ่อแม่ก็ควรให้กำลังใจลูกอีกแรง จะเป็นแรงเสริมให้ลูกมีความมั่นใจมากขึ้นและอยากมาโรงเรียนทุก ๆ วัน
หากลองทำตามวิธีดังกล่าวข้างต้นแล้ว ไม่ดีขึ้นเลยเป็นระยะเวลานาน ลูกก็ยังไม่อยากไปโรงเรียนอยู่อีก นอกจากจะปรึกษาคุณครูแล้วควรปรึกษาคุณหมอ จิตวิทยาเด็กเพิ่มเติมนะคะ แก้ไขปัญหาๆ แต่เนิ่นๆ ร่วมมือกันทุกฝ่ายเพื่อลูกของเรา


ด้วยความรักและปรารถนาดีจาก สถาบันสแกนลายนิ้วมือเพื่อค้นหาศักยภาพ NST-Inter
สแกนลายนิ้วมือ ที่ไหนดี| การวิเคราะห์ลายนิ้วมือ|ลาย นิ้ว มือ บอก ความ ถนัด|ลายนิ้วมือบอกอาชีพ|สแกนลายนิ้วมือ บอกนิสัย |ค้นหาพรสวรรค์ของตัวเอง |ค้นหาศักยภาพสมองผ่านลายนิ้วมือ |ค้นหาศักยภาพผ่านลายนิ้วมือ