5 เรื่องรู้ไว้ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน
คำว่านักศึกษา ที่ติดตัวมาเมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เชื่อมั๊ยคะ? ว่าไม่ได้หมายถึงแค่การศึกษาเล่าเรียนจากอาจารย์ และบทเรียนภายในตำราเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการได้ศึกษาทักษะต่างๆและข้อคิดใหม่ๆ ที่เด็กหลายคนมักจะเก็บเกี่ยวมาจากประสบการณ์ที่ได้รับภายในช่วงเวลาอย่างน้อย 4 ปี ที่ได้เล่าเรียนจนกระทั่งจบการศึกษา ว่าแต่เด็กๆเหล่านั้นได้เรียนรู้อะไรกันไปบ้างนะ
การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
ว่ากันว่าการเรียนรู้นั้นจะสิ้นสุดลงได้ก็ต่อเมื่อเราไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะตราบใดที่เรายังใช้ชีวิตอยู่ เราก็ย่อมหลีกหนีการเรียนรู้ไปไม่ได้แน่นอน สังเกตุมั๊ยคะว่าคนที่มีหมั่นพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ มีความเป็นไปได้สูงที่จะก้าวหน้าในชีวิตมากกว่าคนที่เรียนจบมาแล้วไม่ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอีกเลย
เวลาซื้อขายได้
เวลา ถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลก เพราะถึงจะมีเงินมากมายขนาดไหนก็ไม่สามารถนำไปซื้อเวลากลับมาได้ แต่ในช่วงวัยเรียนมหาลัย นักศึกษาหลายคนค้นพบแล้วว่า ถึงแม้เราจะใช้เงินเพื่อซื้อเวลาของตัวเองกลับคืนมาไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้รวมไปถึงการซื้อเวลาจากผู้อื่น หลายๆคนนำเงินไปจ้างคนอื่นทำงาน เพื่อให้ตัวเองได้มีเวลาว่างในการทำกิจกรรมต่างๆมากขึ้น ในขณะที่บางคน ก็สามารถขายเวลาของตัวเองให้กับผู้อื่น โดยการรับจ้างทำงานบางอย่างเช่นกัน
ออมก่อนรวยกว่า
บางคนยังไม่ทันเรียนจบก็รีบสร้างหนี้สินเกินตัวซะแล้ว ทั้งรถ ทั้งบ้าน ทั้งคอนโดติด bts ซึ่งถ้ามองกันดีๆแล้วจะเห็นว่าของพวกนี้ก็เป็นแค่สิ่งของที่ทำให้เรามีความสะดวกสบายมากขึ้น หรืออาจดูเท่ห์ในสายตาคนอื่นเท่านั้น หลายคนคิดว่าซื้อไปเถอะ เดี๋ยวก็ผ่อนเอาก็ได้ เราซึ่งเป็นพ่อแม่ ก็ควรจะคอยชี้แนะให้เค้าด้วยว่าสิ่งฟุ่มเฟือยเหล่านั้นมันกำลังจะกลับมาทำร้ายตัวเค้าเองจนเกิดเป็นความล้มเหลวทางด้านการเงินในอนาคตรึเปล่า
การได้ทำสิ่งที่รัก
ในขณะที่ยังเรียนอยู่ เด็กหลายคนอาจมองแค่ว่า เมื่อเรียนจบแล้ว จะต้องทำงานอย่างนั้น ได้เงินเดือนเท่านี้ และหากได้เงินมาก็จะซื้อนั่นซื้อนี่ วางแผนเสียเงินกันซะยังแต่ยังไม่ได้เริ่มทำงานด้วยซ้ำ แต่เมื่อเรียนจบ และได้สัมผัสกับชีวิตวัยทำงานดูแล้ว จะรู้สึกเลยค่ะว่า ไอ้สิ่งที่เรียกว่าเงินเดือนที่เราวาดฝันกันไว้ว่า ถ้าได้มันมาเยอะๆแล้วเราจะมีความสุขน่ะ มันก็เป็นแค่เรื่องที่คนอื่นๆเค้าบอกต่อๆกันมาเท่านั้นเอง เพราะจริงๆแล้วคำว่าชีวิตดีมันตัดสินกันที่ ความสุขในการทำงานต่างหาก จริงมั๊ยล่ะคะ
ประสบการณ์สำคัญกว่าเกรดเฉลี่ย
ในการเรียนภายในมหาวิทยาลัย อาจารย์จะวัดผลด้วยเกรดเฉลี่ย ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินในขณะนั้นว่าใครเก่งในระดับไหนบ้างในชั้นเรียน แต่พอจบออกมา เกรดเฉลี่ยกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย หลายๆบริษัทที่เปิดรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานแทบไม่ได้สนใจเกรดเฉลี่ยด้วยซ้ำ แต่ประสบการณ์ต่างหากล่ะที่จะเป็นตัวตัดสินความสามารถของเรา และส่งผลไปถึงอนาคต เพราะฉะนั้นหากตอนนี้เกรดเฉลี่ยของลูกคุณยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่ล่ะก็ อย่ากังวลไปค่ะ ให้เค้าลองหาประสบการณ์เตรียมไว้ ไม่แน่บางที่เค้าอาจจะไปได้ไกลกว่าคนที่ได้เกียรตินิยมด้วยซ้ำ